อุทยานฯแก่งกระจาน ร่วมม.ราชภัฏเพชรบุรี ทดลองใช้โดรน พ่นกลิ่นเสือโคร่ง เป็นส่วนผสมระหว่างปัสสาวะ มูลเสือ น้ำอาบจากเสือ เพื่อไล่ช้างป่า”ป่าละอู” ไม่ให้เดินบนถนน
วันที่ 15 พ.ย. นายมานะ เพิ่มพูล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดเผยว่า หลังจากที่มีช้างป่าขนาดใหญ่ 2 ตัว เดินเอาหัวดันกันไปมาประมาณ 20 นาที บนถนนมเส้นทางสายพุไทร – ไทรเอน ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูที่ช้างรวมกลุ่มฝูงและตกมัน ช้างป่าบางตัวไม่สามารถเข้ากลุ่มได้ ทำให้มีการประลองกำลังเพื่อชิงกันเป็นเจ้าของพื้นที่ นอกจากนั้นยังพบปัญหาจากเกษตรกรนำผลผลิตที่เหลือจากการจำหน่าย มากองทิ้งข้างทางให้สัตว์ป่ากินริมถนนดังกล่าว อาจทำให้สัตว์ป่าถูกรถชนบาดเจ็บหรือตาย โดยเฉพาะช้างป่าไม่กลับไปหากินเองตามธรรมชาติ
“ทั้งนี้เพื่อป้องกันทั้งช้างและคน อาจได้รับอันตราย อุทยานฯ จึงได้ร่วมกับคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ทำการทดสอบโดยใช้โดรนติดอุปกรณ์เครื่องพ่นสารกลิ่นเสือโคร่ง ซึ่งได้จากปัสสาวะ – มูลเสือ และน้ำอาบจากเสือโคร่ง บินพ่นตามรายทางที่ช้างออกมาเดินริมถนนเป็นประจำ และเฝ้าสังเกต ก็ยังไม่พบช้างป่าออกมาหากินบริเวณที่พ่นสารไว้ สำหรับกลิ่นสารเสือโคร่ง หลังพ่นแล้วจะอยู่ได้นาน 3 – 7 วัน ก็จะจางตามสภาพอากาศ ส่วนการทดสอบดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการทดลอง เพื่อรายงานให้ทางกรมอุทยานฯ ได้ทราบต่อไป” นายมานะ กล่าว
มีรายงานว่า ก่อนหน้านี้อุทยานฯ ได้วางแนวทางป้องกันปัญหาช้างป่า ด้วยการปรับสภาพภูมิทัศน์พื้นที่ป่าละเมาะตลอดแนวถนน พร้อมปลูกต้นไม้บางชนิดที่ช้างไม่ชอบเป็นแนวกันชน รวมถึงร่วมกับทีมนักศึกษาสถาบันราชภัฎเพชรบุรี ใช้โดรนติดลำโพงเปิดเสียงผึ้งบินไล่ช้างป่า ซึ่งใช้ได้ผลในระยะแรก แต่เนื่องจากช้างป่ามีพฤติกรรมการเรียนรู้ค่อนข้างเร็ว หลังทดลองระยะหนึ่งก็ยังพบช้างป่าออกมาหากินบนถนนอีก.
ขอขอบพระคุณที่มาของข่าว :: https://www.thairath.co.th/content/1422036