กองพัฒนานักศึกษานำผู้นำนักศึกษาเข้าร่วม “ค่ายราชภัฏ ทอฝัน ปันน้ำใจ ปีที่ 11”

กองพัฒนานักศึกษานำผู้นำนักศึกษาเข้าร่วม "ค่ายราชภัฏ ทอฝัน ปันน้ำใจ ปีที่ 11"

ผู้นำนักศึกษาจากทั้ง 8 คณะและ 1 วิทยาลัยนวัตกรรมอาหารและอุตสาหกรรมบริการ เข้าร่วมโครงการค่ายราชภัฏทอฝัน ปันน้ำใจ ปีที่ 11 ระหว่างวันที่ 29-30 เมษายน 2568 ณ ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอินทรีอาสา (บ้านปาเกอะญอ) ตำบลป่าเด็ง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยได้รับเกียรติจากอาจารย์ ดร.เมธาวิน สาระยาน ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ด้านการพัฒนานักศึกษาและการสื่อสารองค์กร เป็นประธานในการเปิดโครงการ โดยมี ร.ต.อ.ประมวล พลเกษตร ครูใหญ่ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอินทรีอาสา (บ้านปาเกอะญอ) พร้อมด้วยคณะครูร่วมให้การต้อนรับ

อาจารย์ ดร.เมธาวิน สาระยาน ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีมีการดำเนินการในการขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพการศึกษาของนักศึกษา เพื่อให้เป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพและมีงานทำ โดยกองพัฒนานักศึกษาที่เป็นหน่วยงานที่จะขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพบัณฑิตในส่วนของการสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตให้กับนักศึกษา การจัดกิจกรรมในแต่ละกิจกรรมจะสามารถสร้างและเสริมทักษะต่าง ๆ ให้แก่นักศึกษาให้เป็นบัณฑิตที่มีคุณลักษณะพึงประสงค์และเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน

นายกิตติภพ รักษาราษฎร์ รักษาการผู้อำนวยการกองพัฒนานักศึกษา เผยว่า “การจัดกิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อนักศึกษา โรงเรียนและชุมชน เป็นการส่งเสริมให้นักศึกษามีทักษะ กระบวนการทำงานเป็นทีม ด้วยการนำเครื่องมือวิศวกรสัมคม มาใช้ในการดำเนินโครงการ ตั้งแต่การลงพื้นที่เก็บข้อมูล ศึกษา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ด้วยการฝึกนักศึกษาให้มีทักษะในการเป็นนักคิด นักสื่อสาร นักประสาน และนักนวัตกร”

นางสาวธัญชนก ยอดขัน ตัวแทนนักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรม กล่าวว่า “รู้สึกดีใจและยินดีที่ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการค่ายราชภัฏทอฝัน ปันน้ำใจ โดยในวันนี้ได้ร่วมกับเพื่อน ๆ ในการทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ให้กับน้อง ๆ และโรงเรียน ด้วยการทำสื่อ BBL การจัดทำซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ปรับปรุงห้องน้ำให้มีความสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น ปรับปรุงภูมิทัศน์ให้แก่โรงเรียน ซึ่งการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ยังช่วยฝึกในเรื่องการวางแผนในการทำงานเป็นทีม เสริมสร้างทักษะการเป็นผู้ที่มีจิตสาธารณะ ช่วยเหลือสังคม ด้วยการนำเครื่องมือวิศวกรสังคมมาใข้ในการปฏิบัติงาน”